ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่
คิดดี : ฟื้นฟูอสังหาริมทรัพย์ ต้อนรับปีใหม่
ยืด ลด ขยาย เป็นวลีเด็ดที่เป็นมาตรการ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวไว้ ซึ่งการยืดนั้น (อย่าคิดไปทางลามก) เริ่มตั้งแต่น้ำท่วมด้วยซ้ำ
ยืด คือ ระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน อาคาร รถยนต์ เครื่องจักร ฯลฯ เริ่มจาก 3 เดือน-12 เดือน แต่แหล่งข่าวอ้างบทสัมภาษณ์ท่านว่า ยืดเวลาทั้งต้นทั้งดอก 6-12 เดือน แต่ก็มีลูกค้าบางรายบอกว่า บางธนาคารให้ไปเร่งชำระในงวดท้าย ๆ แทน ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าไม่ช่วยอะไรและยังจะเพิ่มภาระในระยะหลังอีกด้วย ช่วงน้ำท่วมแรก ๆอาจยังไม่ประกาศเยียวยาอย่างเป็นทางการ จึงอาจจะสื่อสารกันไม่ชัดเจน ตอนนี้น่าจะดีขึ้นแล้วในความชัดเจนของทุกธนาคาร
“ลด” ลดอัตราดอกเบี้ยทั้งต้นและดอก เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระในช่วงนี้ การลดดอกเบี้ยดูจะเป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับผู้เขียนและผู้ประกอบการทั้งหลาย ดูแล้วในทางปฏิบัติเหมือนกับต้องมีเงินไปโปะก้อนเดิมที่เป็นหนี้เก่าในอัตรา MRR หรือ MLR หมดแล้วก่อน เสร็จแล้วค่อยนำหนี้ใหม่ไปขยายซะมากกว่า เช่น นาย ก มีหนี้เก่า 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 8% ต่อปี ก็ให้นำ 1 ล้านบาทจากส่วนนี้มาขยาย
ซึ่งขยาย คือ ขยายวงเงินกู้ตามจริง เช่น บ้าน เครื่องจักรกล ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเป็นมูลค่า 1 ล้านบาท โดยทางเจ้าของต้องนำใบเสนอราคาจากผู้ผลิตหรือผู้รับเหมาไปยื่นที่ทางธนาคาร ธนาคารจะทำการตรวจสอบประวัติทางด้านการเงินว่า เป็นลูกหนี้ชั้นดีเพียงใด และกำหนดระยะเวลาในการผ่อนชำระ น่าจะเป็น 1-7 ปี เสร็จแล้ว ท่านค่อยนำเงิน 1 ล้านบาทไปโปะ ในส่วน “ลด” แล้วท่านก็ผ่อนต่อไป ในส่วน “ขยาย”ได้ดอกเบี้ยลดไปถึงครึ่งหนึ่ง
แต่บางรายอาคารบ้านเรือนพังเสียมาก ก็อาจจะกู้ในส่วนขยายเป็นวงเงิน 2 ล้านบาท ท่านก็ใช้หนี้ในส่วนขยาย 2 ล้านไปตาม 4 % (Rate เครื่องจักร ของทางธนาคารกสิกรไทยอนุเคราะห์ข้อมูลมาเบื้องต้น) นั้น ๆ ยิ้มทั้งคนจ่ายยิ้มทั้งคนรับแต่ผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นหนี้อยู่เลย อาจจะไม่แฮปปี้เพราะเหมือนข่มขืนให้กู้ เพราะน้ำท่วมมันห้ามกันไม่ได้ ท่านก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมไป แต่ก็ยังดีนะครับที่มีเครดิต มีประกันภัยบ้าง พูดถึงเรื่องประกันภัย ก็ได้คุยกับทางน้อง ๆ ที่ขายประกันว่า ต่างชาติได้ปล่อยเงินก้อนแรกมาแล้วราว ๆ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็ใกล้เคียงกับที่ ดร.ประสารประกาศทางโทรทัศน์ ซึ่งเห็นว่านับแสนล้านบาทจะมาหลังปีใหม่ ปีทองมังกรทอง
สิ่งที่ผู้เขียนเป็นห่วงอย่างมากมี 2 ประการ คือ
ประการที่ 1 มาตรการที่ออกมาช่วยเหล่า SME จริง ๆ (ไม่มีประกันภัย) และทุนหมุนเวียนการกู้ Stock, เครื่องมือต่าง ๆ เอกสารก็เก็บกันไม่เป็นที่อยู่แล้ว จะกู้ก็ยิ่งยากจะทำอะไรก็ลำบาก เอกสารก็อาจจะหายไปกับน้ำท่วมหมด ความรู้ก็ไม่พร้อมรัฐบาลควรมีหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลืออย่างชัดเจนและประกาศอย่างจริงจัง รวมไปถึงบ้านเรือนที่อยู่ในบริเวณที่น้ำท่วมหนัก ๆ ด้วย ต้อง “เร็ว แรง ชัด” ไม่ขัดแย้งกันเอง ชาติเราจะฟื้นฟูจากมดงานเล็กเหล่านี้ได้รวดเร็ว คนจะได้ตกงานน้อยลง ชาวเกษตรกรจะได้รีบเพาะปลูกกันใหม่
ประการที่ 2 เงินจากต่างชาติที่มาช่วยประกันเพราะเราทำประกันภัยไว้ เค้าไม่ได้ให้ฟรี ๆ ครับ น่าเป็นห่วง 2 เรื่อง คือ
2.1 ต่างชาติจะจำกัดวงเงินในปี 2012 เป็นต้นไป สำหรับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ถ้าเป็นได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอาจจะได้รับเงินประกันแค่ไม่กี่แสน แม้ว่าโรงงานจะน้ำท่วมได้รับความเสียหายเป็นพันล้านก็ตาม ซึ่งต้องเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาใหม่ ว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วม จะมีวิธีป้องกันและแก้ไขอย่างไรไม่ให้ส่งผลกระทบที่มหาศาลขนาดนี้หลังปีใหม่
เช่นประตูระบายน้ำควรเปิด-ปิดอย่างไร, การสร้างเส้นทางระบายน้ำเพิ่มเติม (Flood Way) แบบไหนและพอเพียงเป็นไง นโยบายการจัดการโดย “ผู้รู้” เรื่องน้ำ เหมือนที่พระองค์ท่านสอนเราตั้งแต่ปี 2538 จะชัดเจนและแล้วเสร็จเมื่อไร อย่าลืมว่าฝนจะมาประมาณกลางเดือนเมษายน 2555 แล้วครับ บริษัทประกันภัยทั้งหลาย นักท่องเที่ยว รวมถึงนักธุรกิจและนักลงทุนจะได้ไว้ใจกล้ากลับมาลงทุนกับเราอีกแล้วอย่าประมาทเรื่องดินถล่ม แผ่นดินไหว ไฟไหม้ด้วยต้องระวังนะครับ (กฎหมายในอาคารมีครบอยู่แล้ว มีอะไรบ้าง หากมีข้อสงสัยสามารถ E-mail มาถามผู้เขียน หรือสอบถามทางสภาสถาปนิกและสภาวิศวกร ได้นะครับ เพราะทางหน่วยงานตระหนักถึงเรื่องนี้กันมานานแล้ว)
2.2 Subprime จาก อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น อาจจะเข้าข่ายน่าเป็นห่วง เพราะประเทศเหล่านี้ก็เพิ่งประสบภัยธรรมชาติและการเงิน การคลังก็ตกลงอยู่แล้ว แต่ต้องเอาเงินประกันที่มาช่วยไทยที่เดียวก็เป็นแสนล้านบาท ปีหน้านี้มังกรอาจเป็นมังกือนะครับปี 2012 ต้องเตรียมตัวกันไว้ล่วงหน้า เก็บเงินสดได้เก็บกันไว้ดีนะครับ ดีไม่ดีแลกเหรียญฝังใส่ไหแบบคนโบราณกันน้ำท่วมและแผ่นดินไหวได้ ขโมยก็เอาไปได้น้อยเพราะมันหนักครับ พบกันหลังปีใหม่ครับ.
ภาณุวัฒน์ สินธวัชต์
ณัฐพล ปิยะตันติ
lifemage_ar@yahoo.com
ที่มา เดลินิวส์
ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่
http://whitemkt-consultant.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น