ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่
นักวิเคราะห์มั่นใจ"เมืองกาญจน์"บูมแน่ใน5ปีหากเชื่อมไทย-พม่า สำเร็จ
ดร.โสภณ พรโชคชัยประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาสาธารณูปโภคเพื่อเชื่อมต่อท่าเรือน้ำลึกทวาย กับประเทศไทย และได้ลงสำรวจพื้นที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2555 พบว่าในอนาคตจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกครั้งสำคัญกับจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปกติค่อนข้างเงียบ ทั้งนี้
กรมทางหลวงมีแผนจะก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-นครปฐม-กาญจนบุรี ระยะทาง 98 กม. วงเงินลงทุน 45,886 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4,851 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 40,495 ล้านบาท และค่าควบคุมงาน 540 ล้านบาท โดยได้สำรวจและออกแบบรายละเอียดโครงการแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2552 และขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางและรูปแบบการลงทุนโครงการแบบให้เอกชนร่วมลงทุน โดยคาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จภายในปี 2555 เส้นทางนี้เป็นเส้นทางใหม่ที่ไม่ได้ใช้พื้นที่ทางหลวงเดิมแต่อย่างใด การก่อสร้างจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงบางใหญ่-นครปฐม ขนาด 6 ช่องจราจร ระยะทาง 51 กม. และช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี ขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 47 กม. คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี
นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังจะสร้างถนนเส้นใหม่จากตัวเมืองกาญจนบุรีไปยังบ้านน้ำพุร้อน ระยะทางประมาณ 70 กม. ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2555 คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีก ประมาณ 1 ปี ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย มีแนวคิดจะสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อไปจากสถานีน้ำตกไทรโยค จ.กาญจนบุรี ไปยังชายแดนพม่า เพื่อรองรับการคมนาคมขนส่งจากท่าเรือน้ำลึกทวาย ทั้งนี้คงต้องเวนคืนที่ดินใหม่ หรืออาจใช้เส้นทางทางหลวงที่จะสร้างใหม่ก็อาจเป็นไปได้
สำหรับการเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง อาจใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ในปัจจุบัน หรือหากเส้นทางมอเตอร์เวย์บางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจบุรีไม่อาจก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็อาจใช้เส้นทางผ่านกรุงเทพมหานครตามทางด่วนปัจจุบัน สู่ถนนบางนา-ตราดออกไปสู่ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉะบัง อย่างไรก็ตามก็มีข้อเสนอให้ผ่านจากแดนไทย ไปสู่ชายแดนไทย-เขมร และออกสู่ทะเลที่ท่าเรือน้ำลึก ท่าเรือเมืองกวีเญิน (Quy Nhon) หรือ หวุงเต่า (Vung Tao) ของประเทศเวียดนามตอนใต้
โครงการนี้คงกินเวลานับสิบปี แต่สำหรับการก่อสร้างทางเชื่อมระหว่างชายแดนไทยและพม่า คงจะสามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จในเวลาไม่เกิน 5 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่เดิมมีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวส่วนหนึ่งและไม่ใช่จังหวัดทางผ่าน จึงค่อนข้างเงียบ แต่หากมีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ซึ่งสมควรดำเนินการเป็นอย่างมากในพื้นที่ชายแดนทั้งในฝั่งไทยหรือฝั่งพม่า จะทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างคึกคัก นอกจากนั้น ยังอาจมีบ่อนการพนัน ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวหรือนักพนันสามารถเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวได้มากกว่าทางอรัญประเทศที่ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรมากนัก นอกจากการไปเล่นการพนันเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น ศูนย์การค้าสินค้าปลอดภาษี ตลอดจนกิจการบริการต่าง ๆ เช่น โรงแรม ก็จะเกิดเพิ่มขึ้นในพื้นที่นี้ ทำให้พื้นที่เขตบ้านน้ำพุร้อน จะมีความคึกคักทางเศรษฐกิจคล้ายบ้านด่านนอกในเขตอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และสำหรับแหล่งท่องเที่ยวเดิมทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ก็จะได้รับการพัฒนาให้มีมาตรฐานดีขึ้น รวมทั้งนักท่องเที่ยวก็จะเดินทางไปท่องเที่ยวได้สะดวกยิ่งขึ้นจากสาธารณูปโภคโดยเฉพาะทางหลวงและทางรถไฟใหม่
ดังนั้นจึงเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่บ้านน้ำพุร้อน และอำเภอเมือง ตลอดจนอำเภอใกล้เคียงในจังหวัดกาญจนบุรี จะมีความคึกคักมากขึ้นอย่างมากในอนาคต
ที่มา http://www.thaicontractor.com
ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่
http://whitemkt-consultant.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น