ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่
โจนส์ แลง ลาซาลล์ ชี้มูลค่าการซื้อขายโรงแรมทั่วโลกปี 55 มีแนวโน้มสูงขึ้น
บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ รายงานระบุว่า แม้ความผันผวนทางเศรษฐกิจจะยังคงดำเนินอยู่ แต่คาดว่า การลงทุนซื้อขายโรงแรมทั่วโลกในปี 2555 นี้ จะยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง และจะมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 31,000 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ในเอเชียแปซิฟิก บรรยากาศการลงทุนเริ่มมีสภาพคึกคักขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ เอเชียแปซิฟิกจะมีการซื้อขายโรงแรมเกิดขึ้นรวมมูลค่าทั้งสิ้นถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปี 2554 ซึ่งในจำนวนนี้คาดว่าจะเป็นการซื้อขายในเอเชียมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากเจ้าของโรงแรมในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีการปล่อยขายโรงแรมออกมา ในขณะที่การขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับหนี้ธนาคารเริ่มมีมากขึ้นในญี่ปุ่น
นายไมค์ แบทเชเลอร์ กรรมการผู้จัดการด้านการลงทุนภาคพื้นเอเชียของโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ กล่าวว่า “หลังจากที่เศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกมีการฟื้นตัวในลักษณะกราฟรูปตัววี (V) ในปี 2553 การขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ในปี 2554 ที่ผ่านมาอยู่ในระดับปานกลาง และคาดว่าปี 2555 นี้ก็เช่นกัน สภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งดังกล่าว ได้ทำให้ภูมิภาคนี้เริ่มมีเงินทุนสูงขึ้นและมีการออกไปลงทุนซื้อโรงแรมในต่างประเทศโดยนักลงทุนชาวจีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลย์เซีย ปากีสถาน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รวมถึงนักลงทุนชาวไทย “นับตั้งแต่ปี 2552 นักลงทุนชาวเอเชียลงทุนซื้อโรงแรมทั่วโลกไปแล้วทั้งสิ้น 7,500 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 26% ของมูลค่าการซื้อขายโรงแรมข้ามประเทศและนับเป็นผู้ซื้อโรงแรมในต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด คาดว่าปี 2555 นี้ก็เช่นกัน เนื่องจากมีกลุ่มนักลงทุนจากเอเชียแปซิฟิกจำนวนมากขึ้นที่ต้องการหาซื้อโรงแรมดีราคาไม่แพงในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่กำลังประสบปัญหา”
สำหรับประเทศไทย คาดว่ากิจกรรมการซื้อขายโรงแรมจะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากช่วงนี้มีโอกาสให้นักลงทุนเข้าซื้อโรงแรมได้ในราคาที่น่าสนใจ สถานการณ์ทางการเมืองของไทยเริ่มนิ่งมากขึ้น คาดว่าในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ตลาดโรงแรมจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น แม้เพิ่งจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยไปเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนหรือเจ้าของโรงแรมชาวไทยบางรายที่ถือครองโรงแรมมานาน กำลังหาโอกาสขาย เพื่อไปนำเงินไปลงทุนซื้อโรงแรมในต่างประเทศ เช่นเดียวกับนักลงทุนหรือเจ้าของโรงแรมบางรายในสิงคโปร์และฮ่องกง ที่เวียดนาม โดยภาพรวม มีปัจจัยพื้นฐานตลาดที่ดี แต่ภาครัฐฯ ยังต้องลงทุนเพิ่มอีกเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้สามารถทันรองรับการขยายตัวที่รวดเร็วทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นให้เห็นชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน ส่วนการลงทุนซื้อโรงแรม คาดว่าจะมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ผู้ซื้อส่วนใหญ่จะยังคงเป็นนักลงทุนภายในประเทศ เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อยังเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยในช่วงสองปีที่ผ่าน โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ประสบความสำเร็จในการเป็นตัวแทนขายโรงแรมรายการใหญ่ๆ ในเมืองไทยไปแล้วหลายรายการ อาทิ โรงแรมลากูน่า บีช รีสอร์ท ภูเก็ต, โรงแรมดุสิตธานี ภูเก็ต, โรงแรมบ้านตลิ่งงาม สมุย และโรงแรมโซฟิเทล สีลม กรุงเทพฯ
นายแบทเชเลอร์กล่าวว่า “ความผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลก ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งด้านผลประกอบการของโรงแรมในประเทศไทย ซึ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง และตอกย้ำให้เห็นถึงความน่าสนใจของโรงแรมที่มีคุณภาพสูง และสามารถสร้างรายได้ ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่เหมาะสำหรับการลงทุน ข้อจำกัดสำหรับตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในขณะนี้คือ การที่ไม่มีโรงแรมคุณภาพเหมาะสมกับการลงทุนเสนอขายมากนัก ประกอบกับการที่ธนาคารระหว่างประเทศมีข้อจำกัดในการปล่อยกู้เงินทุนใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ดี ยังมีนักลงทุนในเอเชียอีกมากที่มีทุนหนาและไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้ ซึ่งนักลงทุนเอเชียเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ซื้อ คาดว่า การซื้อขายโรงแรมในไทยส่วนใหญ่ในปีนี้ จะยังคงมีขึ้นอยู่ในเมืองหลักๆ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ตและพัทยา เช่นเดียวกับปี 2554 ที่ผ่านมา”
ที่มา http://www.thaicontractor.com
ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่
http://whitemkt-consultant.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น